"พิมพ์ข้อความแล้วส่งมาที่ 4221002 ครั้งละ 3 บาททั่วประเทศจ๊ะ"
•~~~~ยินดีต้อนเข้าสู่เว็บไซต์ อาหารเพื่อสุขภาพ โดย`นักศึกษา แผนกคอมพิวเตอร์ 3/1 เทคนิคพะเยา - ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา~~~~•

ลองเลือกดูโฆษณาที่ตรงตามความต้องการของคุณดูสิน๊ะคũ

<pสวัสดีปีใหม่จีน` เฮง เฮง เฮง
                 
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ เว็บไซต์อาหารเพื่อสุขภาพเมื่อคุณอยากจะดูแลสุขภาพของคุณให้แข็งแรง ไม่เป็นโรคก็ควรมาศึกษาเกี่ยวกับอาหาร บ้านเรากันน๊ะครับ เพราะอาหารของไทยเรานั้น มีมากมายล้วนแต่จะแตกต่างกันออกไป เว้นแต่คุณจะเลือกที่จะทานแบบไหนเมื่อคุณเข้ามาเว็บไซต์ของเราขึ้นชื่อว่าเว็บไซต์เพื่อสุขภาพก็ต้องดี ช่วยคุณได้แน่นอนคุณสามารถนำสูตรอาหารต่างๆที่เราสรรหามาให้คุณมากมายและให้คุณได้เลือกตามสไตท์ของคุณเองหลายๆ คนก็ว่า ยุ่งยากขี้เกรียจทำแต่คิดซิว่าสุขภาพของคุณ + ร่ายการของคุณที่จะดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และต้องทำให้ได้.....ต่อจากนี้จะไม่ฝันอีกต่อไปเมื่อคุณได้ลองสร้างบทบาทในการรับประทานอาหารของคุณเอง...ลองศึกษาวิธีทำอาหารต่างๆมากมายกัน 
ขอบคุณทุกท่านที่ได้มาศึกษาสารพันอาหาร นานาชนิดครับ♥`

Custom Search

วันพุธที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒

>> น้ำข้าวกล้องงอก (สูตรน้ำข้าวกล้องงอก ที่ได้ขึ้นโต๊ะเสวย "ในหลวง")

คุณค่าและประโยชน์ของ น้ำข้าวกล้องงอก

รูปข้าวกล้อง งอก ข้าวกล้อง หรือผลิตภัณฑ์จากข้าวกล้องแทนข้าวขาว(ข้าวสาร) เนื่องจากข้าวกล้องผ่านกรรมวิธีการสีเพียงครั้งเดียว เพื่อเอาเปลือก(แกลบ)ออกไป ทำให้ข้าวที่เหลือยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว(รำ)อยู่ครบถ้วน ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวนี้ล้วนอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหาร จึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าข้าวประเภทอื่นๆ ข้าวกล้องที่ไม่ได้ผ่านการถนอมคุณค่าอย่างถูกหลักวิชาการ หลังจากกะเทาะเปลือกแล้ว จะเสื่อมสภาพลงทุกๆวินาที ไม่ว่าจะบรรจุในภาชนะพิเศษสูญญากาศ หรือไม่ก็ตาม สาเหตุจากเอนไซน์ไลเปส ในข้าวกล้องจะไปย่อยกรดไขมัน มีผลให้กรดไขมันที่มีในข้าวกล้องเสื่อมสภาพลง จนมีกลิ่นเหม็นหืนในที่สุด นอกจากนี้ปฏิกิริยายังก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายด้วย
ส่วนข้าวกล้องงอก ถือเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นข้าวกล้องที่ต้องผ่านกระบวนการงอกตามปกติ ในข้าวกล้องจะมีสารอาหาร จำนวนมาก เช่น ใยอาหาร กรดไฟติก วิตามินซี วิตามินอี และสารกาบา ซึ่งช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน ช่วยคุมน้ำหนักตัว


' เมื่อนำข้าวกล้องมาแช่น้ำทำให้งอก จะทำให้ข้าวกล้องมีสารอาหารเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสารกาบา นอกจากจะได้ประโยชน์จากการที่มีปริมาณสารอาหารสูงขึ้นอยู่แล้ว ยังทำให้ข้าวกล้องงอกที่หุงสุกมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานได้ง่ายกว่าข้าวกล้องธรรมดา จึงง่ายแก่การหุงรับประทานได้โดยไม่ต้องผสมกับข้าวขาว
ส่วนประกอบข้าวกล้อง


จากการศึกษาทางกายภาพและทางชีวเคมีพบว่า เมล็ดข้าว ประกอบด้วยเปลือกหุ้มเมล็ด หรือแกลบ ซึ่งจะหุ้มข้าวกล้อง ในเมล็ดข้าวกล้องประกอบด้วย จมูกข้าว หรือ คัพภะ รำข้าว(เยื่อหุ้มเมล็ด) และเมล็ดข้าวขาวหรือเมล็ดข้าวสาร สารอาหารในเมล็ดข้าวประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต เป็นส่วนประกอบหลัก โดยมีโปรตีน วิตามินบี วิตามินอี และแร่ธาตุ ที่แยกไปอยู่ในส่วนต่างๆของเมล็ดข้าว นอกจากนี้ยังพบสารอาหารประเภทไขมัน ที่พบได้ในรำข้าวเป็นส่วนใหญ่

วิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกอย่างง่ายๆ มีขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่ เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย
เสร็จแล้วใช้ผ้าขาวบาง หรือกระชอน กรองน้ำออกมาดื่ม เพิ่มรสชาติโดยโรยเกลือป่นให้ออกเค็มเล็กน้อย ก็จะเพิ่มความอร่อย นอกจากความหอมหวานที่มีอยู่ในน้ำข้าวกล้องงอกแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสูตรที่ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวปทุมธานี ทำเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ทุก 3 วัน ส่วนการหุงข้าวกล้องให้ได้รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น จะต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำสัก 1 ชั่วโมง ให้เมล็ดข้าวบานออกเล็กน้อยก็หุงได้ทันที จะ ทำให้เมล็ดข้าวนุ่ม น่ารับประทานมาก การหุงข้าว จะทำให้สารกาบ้าถูกทำลายไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่กาบ้าที่เหลือก็เพียงพอต่อร่างกายที่จะต้องบริโภคทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราทำให้ข้าวกล้องงอกขึ้นมา จะเพิ่มคุณค่าสารอาหารขึ้นอีก 10 เท่าเลยทีเดียว
ส่วนการหุงข้าวกล้องให้ได้รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น มีวิธีการดังนี้
1. จะต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำสัก 1 ชั่วโมง ให้เมล็ดข้าวบานออกเล็กน้อยก็หุงได้ทันที จะ ทำให้เมล็ดข้าวนุ่ม น่ารับประทานมาก การหุงข้าว จะทำให้สารกาบ้าถูกทำลายไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่กาบ้าที่เหลือก็เพียงพอต่อร่างกายที่จะต้องบริโภคทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราทำให้ข้าวกล้องงอกขึ้นมา จะเพิ่มคุณค่าสารอาหารขึ้นอีก 10 เท่าเลยทีเดียว

ประโยชน์ของข้าวกล้องงอก (ข้าวกาบา)

1. ช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย นอนหลับได้ดี
2. กระตุ้นฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต
3. ให้เกิดการ สร้างเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อเกิดความกระชับ ป้องกันไขมัน
4. ป้องกันการทำลายสมอง สาเหตุของโรคสูญเสียความทรงจำ
5. มีการนำสาร GABA มาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อการรักษาโรค เกี่ยวกับระบบประสาทต่างๆ หลายโรค เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก
6. มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่าวิตามินซี ดี และ เบต้าแคโรทีน
7. วิตามินอี บีรวม
8. แอนโทไซยานิน ช่วยลบล้างสารที่ก่อมะเร็ง ออกฤทธิ์ทางขยายหลอดเลือด หลอดเลือดมีความอ่อนนิ่ม ลดไขมันแอลดีแอล ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และ อัมพาต

....ข้าวกล้องงอก สินค้าที่เป็นกระแสโด่งดัง ทั้งในทีวีและหนังสือพิมพ์....

'
นวัตกรรมข้าวไทย คุณภาพอันดับ 1 ของโลก
ข้าวกล้อง` นวัตกรรมข้าวไทย





วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

>> ล้างพิษใน 1 วัน ที่คุณทำเองได้



คงจะรู้กันมาบ้างแล้วว่าการล้างสารพิษที่หมักหมมในตัวออกไป จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เลือดลมเดินสะดวก ถ้าทำเป็นประจำก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมทั้งลดความอ้วนได้ด้วย
หัวใจสำคัญในการล้างพิษใน 1 วัน คือ จะต้องกินให้ได้แคลอรี่น้อยกว่า 800 กิโลกรัม เพื่อให้ระบบย่อยและตับได้พัก ต่อจากนั้นตับจะขับสารพิษออกมาได้และอาหารที่คุณจะทานในวันนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์เข้ามาปะปนเด็ดขาด เข้าใจกันดีแล้วต่อไปเรามาเข้าสู่กระบวนการล้างสารพิษกันเลยดีกว่า
1. เลือกผลไม้ที่คุณชอบมา 1 อย่าง เช่น มะละกอ ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ล ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ฯลฯ ยกเว้นอยู่ 2 อย่าง คือ ทุเรียนและสับปะรด เพราะทุเรียนมีแคลอรีสูงเกินไปและย่อยยาก ทานแล้วจะเป็นภาระกับระบบย่อย ส่วน สับปะรดนั้นมีกรดสูงมาก ถ้ากินทั้งวันท้องก็จะอืดได้
2. ทานแต่ผลไม้ชนิดเดียวตลอดทั้งวัน โดยอาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เช่น ถ้าเลือกมะละกอก็อาจจะทานเป็นเนื้อมะละกอสุก หรือส้มตำ (มะละกอดิบ) ที่ใส่แต่มะละกอกับน้ำปลามะนาวเท่านั้น ไม่ใส่เครื่องประกอบอย่างอื่นเด็ดขาด
3. พอมาถึงมื้อกลางวันก็ทานมะละกออีก แต่อาจจะเป็นน้ำมะละกอปั่นใส่น้ำตาลน้อยที่สุด หรือน้ำมะละกอคั้นสดก็ได้
4. มื้อเย็นก็ยังต้องทานมะละกออีกครั้งเป็นมื้อสุดท้ายของวัน โดยอาจจะบีบมะนาวลงไปด้วยนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้ไม่เลี่ยนเกินไป
5. วันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเริ่มมื้อเช้า คุณจะต้องดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ขวดก่อน เพราะเมื่อเราล้างสารพิษ ตับจะขับสารพิษให้มารวมกันอยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น จึงต้องดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาวเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที แต่ถ้าไม่มีการดื่มน้ำกระตุ้นและไปทานอาหารเช้า สารพิษก็จะถูกดูดกลับเข้าไปในกระแสเลือดเหมือนเดิม ทำให้การอดอาหารล้างพิษของเราต้องเสียเปล่าไป
วิธีเตรียมน้ำอุ่นผสมมะนาว
อุปกรณ์
1. ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร 2 ขวด
2. มะนาว 4 ลูก
3. เกลือป่น 2 ช้อนชา แต่ห้ามใช้เกลือไอโอดีน
วิธีทำ
1. ใส่น้ำดื่มให้เต็มขวดจากนั้นบีบมะนาวใส่ลงไปขวดละ 2 ลูก และเกลือ 1 ช้อนชา เขย่าให้เข้ากัน
2. มะนาวจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน ส่วนเกลือก็จะช่วยอุ้มน้ำไว้ ไม่ให้ถูกร่างกายดูดซึมไปหมด น้ำจะได้เหลือไปจนถึงทวารหนักเพื่อขับอุจจาระ
3. หลังจากดื่มน้ำมะนาวประมาณ 10-20 นาที คุณจะรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ นั่นคือ อาการปกติ หลังจากถ่ายท้องเรียบร้อยแล้วก็เริ่มทานอาหารได้
กระบวนการล้างพิษจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าหากทำเป็นประจำสัก 2 อาทิตย์ ต่อหนึ่งครั้ง


>> 10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

>> แกงจืดตําลึง



เครื่องปรุง
1. ตําลึง50กรัม
2. เนื้อหมูสับ30กรัม
3. ซอสปรุงรส10กรัม
4. กระเทียม2กรัม
5. น้ำมันพืช5กรัม


วิธีทํา
1. ล้างเนื้อหมูและตําลึงให้สะอาด หมูสับให้ละเอียด ตําลึงเด็ดยอดออ่นเป็นช่อ
2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่ซอสปรุงรส หมูสับ ตําลึง พอเดือด
3. เจียวกระเทียมให้เหลือง ใส่ลงในหม้อคนให้เข้ากัน